วันพุธที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ไอเดียการจัดสวนเพิ่มธรรมชาติให้บ้าน

ไอเดียการจัดสวนเพิ่มธรรมชาติให้บ้าน



ในบทความนี้ ได้มาเพื่อคนรักบ้านโดยเฉพาะ จะมาบอกถึงไอเดีย  ที่เราสามารถเอาไปจัดบ้าน และสวนได้ วันนี้แอดมินมีไอเดียดีๆเกี่ยวกับการจัดสวนหย่อมมาให้ได้ชมกันค่ะ เพื่อเป็นการกระตุ้นไอเดียและนำไปต่อยอดสำหรับการจัดสวนหย่อมในแบบฉบับของคุณเอง
การจัดสวนหย่อม เป็นการจัดสวนขนาดเล็กๆ ใช้พื้นที่ในการจัดไม่มาก โดยจัดเป็นจุดๆ ในบริเวณต่างๆ ของบ้านได้  ไม่ว่าจะเป็น สวนหน้าบ้าน มุมตัวบ้าน มุมต้นไม้ใหญ่ บริเวณมุมใดมุมหนึ่งของสนามหญ้า หรือหน้าบ้าน กลางบ้าน หรือบริเวณทางเดิน ที่พอสามารถจัดได้ทั้งบนพื้นที่ราบ ลาดเอียง หรือเนินก็ได้  เพื่อเพิ่มความโดดเด่นสวยงาม และความร่มรื่นน่าอยู่ให้กับบ้านของคุณยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทรับจัดสวนเกิดขึ้นมากมายโดยเฉพาะในตัวเมืองใหญ่ๆที่หาพื้นที่สีเขียวได้ยากมาก ผู้คนส่วนใหญ่ที่มีบ้านอยู่ในเมืองใหญ่ๆจึงนิยมจัดสวนหย่อมไว้ภายในบ้านทั้งนี้เพื่อนำมาทดแทนพื้นที่สีเขียวที่ขาดหายไปนั้นเอง และเพิ่มความโดดเด่นสวยงามให้กับบ้าน แต่ถ้าหากใครอยากลงมือจัดสวนหย่อมให้กลายมาเป็นมุมโปรดด้วยตนเองในบทความนี้จะมาบอกถึงวิธีการจัดสวนหย่อมมาฝากกัน
วิธีการจัดสวนหย่อม
  • เริ่มจากการสำรวจพื้นที่ เลือกมุมหรือพื้นที่ในการจัดสวนหย่อม โดยคำนึงถึงขนาดพื้นที่ ทิศทางของแสง ลักษณะของดินทั้งนี้เพื่อที่จะได้จัดขนาดและลักษณะของต้นไม้ให้เหมาะสมกับพื้นที่นั้นเอง
  • ทำการวาดแบบสวนหย่อมของคุณในแบบที่ต้องการคร่าวๆ เพื่อกำหนดตำแหน่งต่างๆของพรรณไม้และวัสดุที่นำมาใช้ตกแต่ง ช่วยให้การจัดสวนหย่อมของคุณสะดวกและง่ายยิ่งขึ้น
  • จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ตามที่วางแปลนไว้ให้ครบถ้วน
  • หากมีบ่อน้ำพุ ควรเริ่มจากทำบ่อน้ำพุก่อนแล้วตามด้วยทางเดิน จากนั้นค่อยจัดวางพรรณไม้ต่างๆ และอุปกรณ์ตกแต่งอื่นๆ
  • หมั่นสำรวจความเรียบร้อยในการจัดสวนหย่อมระวังอย่าให้มีน้ำขังดิน และหมั่นรดน้ำ พรวนดิน และกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ
สวนประเภทต่างๆ
สวนธรรมชาติ (Natural Garden)
มักใช้เส้นโค้งในการออกแบบ ซึ่งช่วยให้เกิดรูปทรงอิสระสร้างรูปแบบที่นิ่มนวล สบายตา โดยเลียนแบบธรรมชาติ
สวนรูปแบบนี้นิยมจัดกันมาก และพบเห็นได้ทั่วไปตามบ้านพักอาศัย สวนสาธารณะ และสถานที่ต่างๆ
สวนประดิษฐ์ (Formal Garden)
เป็นสวนที่ออกแบบโดยใช้รูปทรงเรขาคณิตง่ายๆ เช่นรูปทรงสี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม และวงกลม เราจึงมักพบพรรณไม้ส่วนใหญ่ ถูกตัดแต่งในสวนแบบประดิษฐ์ การออกแบบจะมีแกนกลาง เพื่อความสมดุลของสวนทั้งสองข้าง และมีจุดเด่นดึงดูดสายตา สวนประดิษฐ์มักใช้กับสวนขนาดใหญ่ หรือสถานที่ราชการ เพื่อสร้างความหรูหราและสง่างามให้กับพื้นที่
สวนโมเดิร์น (Modern Garden)
เป็นสวนที่เน้นการใช้แนวเส้นและรูปทรงเลขาคณิตที่เรียบง่ายในการออกแบบ โดยใช้วัสดุตกแต่งที่ดูทันสมัยเข้ามาประกอบ เช่น รูปประติมากรรมต่างๆ การออกแบบอาจสื่อความหมายถึงบางสิ่ง ไม่นิยมใช้พรรณไม้ในปริมาณมากๆ แต่เลือกใช้เฉพาะต้นที่มีรูปทรงที่โดดเด่น
สวนญี่ปุ่น (Japanese Garden)
เป็นสวนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมักจะแสดงออกด้านปรัชญา มีการนำเอาวัสดุต่างๆมาใช้ในการจัดสวน เช่นหิน ตะเกียงหิน อ่างน้ำ และรั้วไม้ไผ่ประกอบสวน ส่วนการเลือกใช้พรรณไม้นั้น เน้นการใช้ไม้ไม่ผลัดใบที่มีลักษณะเด่นเฉพาะตัว เน้นความเรียบง่าย
สวนหิน (Rock Garden)
เป็นสวนที่ใช้หินและกรวดเป็นองค์ประกอบหลักในการจัดโดยเลือกใช้ความหลากหลายจากลักษณะและชนิดของหินที่แตกต่างกันทั้งสี รูปร่าง และผิวสัมผัส สำหรับพรรณไม้ที่ใช้นั้นอาจเป็นชนิดที่สร้างบรรยากาศให้ร่มรื่น เช่นไม้ยืนต้นให้ร่มเงาหรือแห้งแล้งเช่นกระบองเพชรก็ได้
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา ในการออกแบบงานตกแต่งภูมิทัศน์ พร้อมทีมงานมืออาชีพของเรากว่า 50 ชีวิต ที่พร้อมจะบริการออกแบบและจัดสร้างผลงาน ให้ตรงตามวัตถุประสงค์และตรงตามความต้องการของลูกค้า เราพร้อมบริการรับเหมาจัดสวนทั้งโครงการเล็กๆ เช่น บ้านพักอาศัยส่วนตัว ออฟฟิศ และโครงการจัดสวนขนาดใหญ่ จัดสวน โรงงาน ร้านค้า หมู่บ้านจัดสรร   
cr:vcu-projectempowerment.org


ช่องทางการติดต่อ
ก.การช่างทีม คู่คิดที่คอยให้คำปรึกษาในทุกคำถามเรื่องบ้าน
ก.การช่าง รับสร้าง ตกแต่ง ต่อเติม และจัดดูแลสวน เชียงใหม่
www.kor-karnchang.com
Phone: 0979692624 , 0955419777, 0954956444
Email: cs@kor-karnchang.com


วันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

10 วิธีเตรียมสวนและสนามหญ้ารับมือหน้าหนาว


10 วิธีเตรียมสวนและสนามหญ้ารับมือหน้าหนาว



           ในช่วงฤดูหนาว อากาศเย็น ๆ บวกกับความแห้งในอากาศ ทำให้หลายคนได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เริ่มเกิดขึ้นกับสนามหญ้า และต้นไม้ในสวนของตัวเองบ้าง ซึ่งต้องบอกเลยว่ามีทั้งการเปลี่ยนแปลงในด้านดี สำหรับต้นไม้ที่ไม่มีปัญหากับความเย็นและอากาศแห้ง ๆ กับการเปลี่ยนแปลงในทางลบ ที่เกิดขึ้นกับต้นไม้และหญ้าบางชนิด แต่ก่อนจะเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา จนสนามหญ้าและสวนของเราหมดสวย ลองมาดูวิธีเตรียมรับมือกับสภาพอากาศเย็น ๆ ให้สนามหญ้าและสวนกันไว้ก่อนดีกว่านะคะ

10 วิธีเตรียมสวนและสนามหญ้ารับมือหน้าหนาว
 1. เปิดทางความชื้นและแสงแดดด้วยคราด

           ช่วงหน้าหนาวน้ำค้างจะค่อนข้างแรงก็จริง แต่อากาศกลับแห้งกว่าฤดูอื่น ๆ  ทำให้ดินมีโอกาสแห้งแล้งได้ ดังนั้นเราควรเปิดทางให้ความชื้น และแสงแดด ซึ่งเป็นอาหารสำคัญของพืช ผ่านเข้ามาบำรุงถึงรากต้นไม้ได้อย่างสะดวก โดยคุณควรใช้คราดกำจัดใบไม้ รวมทั้งสิ่งกีดขวางอื่น ๆ ที่ปกคลุมหน้าดินอยู่ให้โล่งที่สุด ป้องกันปัญหารากตาย และใบเป็นจุดสีน้ำตาล
 2. อย่ารีบร้อนตัดแต่งกิ่งไม้

           เหตุผลอันดับแรกของการตัดแต่งกิ่งต้นไม้ ก็เพื่อเร่งให้ต้นไม้ผลัดใบ และเจริญเติบโตได้รวดเร็วขึ้น แต่ในฤดูหนาวที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวยให้ปลูกต้นไม้อย่างนี้ เราก็ควรเลี่ยงการตัดแต่งกิ่งไม้ไว้ก่อน หรือหากคุณจำเป็นจะต้องตัดเล็มกิ่งไม้จริง ๆ น่าจะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่องต้นไม้และสวนสักนิดก่อนค่ะ

 3. รักษาความชื้นให้ต้นไม้ที่ปลูกมานาน

           ต้นไม้ใหญ่ และต้นไม้ที่ปลูกไว้นานแล้ว มักจะมีส่วนที่ตายและห่อเหี่ยวไปเอง ซึ่งส่วนเหล่านี้ของต้นไม้ เป็นคล้าย ๆ ไส้ติ่งของมนุษย์อย่างเรา ๆ ที่ไม่มีความสำคัญ แถมยังเป็นส่วนที่เกะกะอีกต่างหาก ฉะนั้นในฤดูหนาวที่ต้องการรักษาความชื้นให้ต้นไม้มากที่สุด ก็ควรจัดการกับไส้ติ่งเหล่านี้ให้สิ้นซาก อ้อ ! ในกรณีแบบนี้คุณสามารถตัดเล็มกิ่งไม้ได้ตามสบายเลยค่ะ

 4. จับไม้ล้มลุกมาทำปุ๋ย
           
           อาจจะดูเหมือนใจร้าย แต่ถึงแม้เราจะพยายามดูแลบรรดาไม้ล้มลุกอย่างดีแค่ไหน เจ้าพืชอายุไม่ยืนเหล่านี้ก็รอดเงื้อมมือหน้าหนาวลำบากอยู่ดี ดังนั้นคงดีกว่าหากเราจะนำไม้ล้มลุกมาทำเป็นปุ๋ยหมักซะเลย ก่อนจะต้องปวดใจกับสภาพเหี่ยวเฉาของเขาให้รำคาญตา

10 วิธีเตรียมสวนและสนามหญ้ารับมือหน้าหนาว

 5. พืชปกคลุมช่วยได้

          ถ้าอยากรักษาความชื้นให้ดินได้มาก ๆ แนะนำให้ปกคลุมดินเอาไว้เลย เลือกใช้พืชคลุมดินที่มีขายตามร้านต้นไม้ หรือจะนำซากพืชและปุ๋ยมาผสมกันแล้วปกคลุมดินก็ได้หมด แต่เคล็ดลับอยู่ที่คุณต้องเกลี่ยพืชคลุมดินให้รอบต้นไม้ในลักษณะรูปวงกลมโดนัท อย่าโรยพืชคลุมดินเป็นเนินเหมือนภูเขาไฟ เพราะส่วนลำต้นเราไม่ต้องปกคลุมเขาให้เปลืองพืชคลุมดินก็ได้

 6. อนุบาลต้นไม้เล็กด้วยกระสอบ
           นอกจากต้องคลุมหน้าดินรักษาความชื้นให้ดินแล้ว เหล่าต้นไม้เด็ก ที่เพิ่งปลูกเมื่อไม่นานมานี้ ก็ควรดูแลเขาให้ดีด้วย อย่างแรกให้หากระสอบ หรือพลาสติกเจาะรูมาคลุมต้นไม้เบบี๋ไว้ก่อน รอจนเขาเติบโตพอจะต่อสู้สภาพอากาศแห้งชื้นด้านนอกได้ค่อยปล่อยเป็นอิสระ

 7. ได้เวลาปลูกพืชชนิดหัว

           ไม้หัวหลายชนิดชื่นชอบอากาศเย็น ๆ และสามารถทนกับความแห้งแล้งในอากาศได้เป็นอย่างดี อย่างเช่น ว่านสี่ทิศ บัวดิน ฯลฯ ซึ่งหากอยากปลูกต้นไม้เพิ่มความสวยงามให้สวน ก็สามารถเลือกปลูกพันธุ์ไม้เหล่านี้ได้เลยค่ะ

 8. พลิกหน้าดินเติมธาตุอาหาร

           สำหรับสนามหญ้า คุณอาจจะลองพลิกหน้าดิน เพื่อเปิดโอกาสให้ความชื้นและแสงแดดส่องเข้าไปบำรุงรากต้นไม้โดยตรงบ้างก็ได้ นอกจากนี้หากลงทุนพลิกหน้าดินแล้ว ก็ควรถือโอกาสใส่ปุ๋ยและธาตุอาหารที่จำเป็นกับต้นหญ้าไปด้วยเลยยิ่งดีจ้า

 9. ใส่ปุ๋ยคอกบำรุงต้นไม้อย่างถูกสูตร

           ปุ๋ยคอกเป็นปุ๋ยที่น่าจะปลอดภัยกับพืชและสิ่งแวดล้อมมากที่สุด เนื่องจากมีส่วนผสมจากธรรมชาติด้วยกัน แต่ก่อนจะใส่ปุ๋ยคอกให้พืช คุณก็ควรตรวจสอบก่อนว่าพืชแต่ละชนิดต้องการปุ๋ยคอกในอัตราเท่าไร และปุ๋ยคอกสูตรไหนจะเหมาะกับดินของคุณ เพื่อให้ดินและต้นไม้เติบโตได้อย่างสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม

 10. ใส่ใจต้นไม้ทุกต้นอย่างดีที่สุด

           เตรียมพร้อมต้นไม้กันไปแล้ว ต่อไปนี้ก็ต้องใส่ใจดูแลต้นไม้ใบหญ้าทุกต้นอย่างเต็มที่ด้วย หมั่นรดน้ำอย่างถูกวิธี กำจัดวัชพืช บำรุงดินและพืชด้วยปุ๋ย และพยายามเล็มกิ่งไม้ ใบไม้ที่แห้งตายแล้วออกไป เพื่อลดการคายน้ำของพืช และเพื่อรักษาความชื้นไว้ใช้ในส่วนจำเป็นให้ได้มากที่สุด


           ใครที่อยากดูแลสนามหญ้าและสวนให้สวยในหน้าหนาวนี้ ก็อย่าลืมนำวิธีดูแลต้นไม้เพื่อรับมือหน้าหนาวเหล่านี้ไปใช้ตามที่เราแนะนำกันด้วยนะคะ จะได้มีสวนสวย ๆ ไม่หวั่นในทุกสภาพอากาศ 


cr: kapook.com

ช่องทางการติดต่อ

ก.การช่างทีม คู่คิดที่คอยให้คำปรึกษาในทุกคำถามเรื่องบ้าน

ก.การช่าง รับสร้าง ตกแต่ง ต่อเติม และจัดดูแลสวน เชียงใหม่

www.kor-karnchang.com
Phone: 0979692624 , 0955419777, 0954956444
Email: cs@kor-karnchang.com

วันพุธที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ที่ดิน เรื่องสำคัญต้องใส่ใจ เตรียมอย่างไรก่อนสร้างบ้าน

ก่อนการสร้างบ้านใหม่ เราจะต้องเตรียมที่ดินสำหรับพื้นที่ก่อสร้างให้เรียบร้อย โดยคำนึงปัจจัยต่างๆ ดังนี้
 
1. ถ้ามีบ้านเก่าต้องรื้อ ให้รื้อถอนออกจนถึงชั้นฐานราก คงไว้แต่เสาเข็มซึ่งรื้อถอนได้ยาก โดยทีมออกแบบจะกำหนดเสาเข็มใหม่เลี่ยงตำแหน่งเดิมเอง
 
2.  ถ้าต้องการย้ายตำแหน่งสาธารณูปโภค เช่น เสาไฟฟ้า มิเตอร์ประปา ท่อประปา ฯลฯ ที่กีดขวางพื้นที่ก่อสร้าง ควรดำเนินการให้เสร็จเรียบร้อยก่อนการสร้างบ้าน
 
3.  ถ้าพื้นที่ดินอยู่ระดับต่ำกว่าถนน  ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาน้ำท่วม ควรถมดินยกระดับให้สูงกว่าระดับท่อระบายน้ำสาธารณะ
 
4.  ถ้าสร้างบ้านทับบ่อหรือบึง ควรถมทิ้งไว้แต่เนิ่น ๆ เพราะจะเกิดโอกาสทรุดตัวมากกว่าดินที่ถมบนพื้นปกติ
 
การถมดิน มีหลักพิจารณาคือ
1.   ประวัติน้ำท่วม พิจารณาจากระดับสูงสุดที่น้ำเคยท่วมถึง
2.   เช็คระดับน้ำในท่อระบายน้ำสาธารณะ โดยติดต่อหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบ  และถมดินให้สูงกว่าระดับดังกล่าวเพื่อให้น้ำในบ้านระบายออกได้
3.   ระดับดินแวดล้อม โดยทั่วไปมักถมสูงกว่าถนนหน้าบ้านประมาณ 50 - 80 ซม. โดยให้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงเพื่อนบ้าน
4.  ไม่ควรถมดินสูงเกินไป เนื่องจาก
- พื้นลาดที่เชื่อมต่อระหว่างที่ดินของบ้านกับถนนสาธารณะ จะมีความลาดชันมาก
- เกิดปัญหาน้ำไหลท่วมเข้าบ้านของเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกัน
- มีค่าใช้จ่ายสูง 
- ดินถมที่ระดับสูงกว่า 80 – 100 ซม. อาจเกิดแรงดันจนรั้วเสียหายได้ (หากจำเป็นต้องทำควรปรึกษาวิศวกร)
5.  กรณีต้องการให้ระดับพื้นบ้านชั้นล่างอยู่สูงมาก  อาจใช้วิธียกใต้ถุนสูงแทนการถมดิน ซึ่งจะได้พื้นที่ใช้งานเพิ่มด้วย
6.  การถมยกระดับดินที่ไม่สูงมาก อาจสร้างบ้านให้ได้พื้นในระดับที่ต้องการ พร้อมทำครีบกันดินให้เรียบร้อยก่อน แล้วจึงค่อยถมดินในภายหลัง วิธีนี้ช่วยให้ประหยัดดิน โดยสามารถนำดินที่ได้จากการเจาะเสาเข็มมาใช้ถมได้ด้วยเช่นกัน
 
บ้านที่ถมดินสูงจากถนน และยกใต้ถุนสูง
ที่มาภาพ: www.bloggang.com 
วิธีถมดิน
ทำได้ 2 วิธี วิธีแรกคือ การถมแบบบดอัด โดยการเทดินและใช้รถบดดิน บดอัดทีละชั้น (ชั้นละ 30-50 ซม.) จนกระทั่งได้ระดับที่ต้องการ  วิธีนี้จะทำให้ดินอัดแน่น ไม่ทรุดตัวง่าย ส่วนอีกวิธีหนึ่งคือ การถมแบบไม่อัด เป็นการถมดินให้ได้ระดับความสูงที่ต้องการ แล้วบดอัดหน้าผิวดินเพียงรอบเดียว หากถมดินสูงตั้งแต่ 1 ม.ขึ้นไปไม่ควรใช้วิธีนี้เพราะจะมีโอกาสทรุดตัวมากในอนาคต ทั้งนี้ช่วงเวลาที่ควรถมดินคือ หน้าแล้ง (ธ.ค.-พ.ค.) เพราะทำงานสะดวก ได้ดินที่แน่นตัวและมีคุณภาพสูง หากถมดินในหน้าฝน ดินที่จะถมอาจจะไหลออก เกิดความสูญเสียในปริมาณมาก
 
ดินที่ใช้ถมที่
ไม่ควรใช้ดินผสมเศษอิฐเศษหินซึ่งแม้จะมีราคาถูก แต่อาจทำให้เสาเข็มหนีศูนย์ หรือแตกหักเสียหายได้ ควรเลือกใช้ดินธรรมชาติในการถม ได้แก่
1. ดินลูกรัง มีสีออกน้ำตาลหรือแดง มีลักษณะค่อนข้างแข็งโดยเฉพาะเมื่อเป็นดินแห้ง สามารถบดอัดให้แน่นแข็งได้ดี เหมาะแก่การถมเพื่อทำผิวถนนคอนกรีต ไม่เหมาะสำหรับปลูกต้นไม้
2. ดินเหนียว เป็นดินเนื้อละเอียด มีคุณสมบัติทึบน้ำ อุ้มน้ำได้ดี นิยมใช้ถมดินในเขตกรุงเทพและปริมณฑล เพราะหาได้ง่าย ราคาไม่สูงมากนัก สามารถใช้ปลูกต้นไม้ได้บางชนิด
3. ดินทราย ประกอบด้วยทรายประมาณร้อยละ 70  ขึ้นไป ไม่อุ้มน้ำ ง่ายต่อการกัดกร่อน เมื่อนำมาถมจำเป็นต้องบดอัดอย่างดี และมีการป้องกันดินไหล เพื่อไม่ให้ดินทรุดตัวและไหลไปบริเวณข้างเคียง ดินทรายมีราคาถูก เหมาะสำหรับถมดินในโครงการจัดสรรต่าง ๆ
4. หน้าดิน คือดินที่อยู่บริเวณผิวดินด้านบน ระดับ 0.00-0.50 เมตร หรืออาจลึกกว่าเล็กน้อย เนื้อดินสีดำ มีแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับพืชพรรณและต้นไม้สูง แต่มีราคาสูงกว่าดินประเภทอื่นพอสมควร
 
ทำอย่างไรกับต้นไม้เดิม
ต้นไม้สร้างความร่มรื่นมีชีวิตชีวา ทั้งยังช่วยกรองมลพิษต่างๆ ให้กับบ้าน วิธีการเลือกเก็บหรือกำจัดต้นไม้เพื่อเตรียมพื้นที่สร้างบ้านนั้น ในเบื้องต้นอาจเริ่มด้วยการถางหญ้า วัชพืช ให้เรียบร้อย ตัดต้นไม้ล้มลุกหรือไม้ยืนต้นขนาดเล็กที่ไม่ต้องการทิ้ง  สำหรับต้นไม้ใหญ่อายุ 10 ปี ขึ้นไป ควรพิจารณาให้ดีว่าจำเป็นต้องตัดจริงๆ หรือไม่ อาจใช้วิธีหลบเลี่ยงหรือออกแบบให้ต้นไม้เป็นส่วนหนึ่งของผังบ้าน ทั้งนี้ควรระมัดระวังเรื่องแรงสั่นสะเทือน รวมถึงน้ำปูนและเศษวัสดุจากการก่อสร้าง ที่อาจจะไปทำอันตรายต้นไม้ได้
กรณีเป็นต้นไม้ที่มีรากแผ่กว้างและชอนไช เช่น ต้นไทร ต้นก้ามปู ต้นโพธิ์ ฯลฯ ควรจัดวางผังบ้านเลี่ยงให้ได้มากที่สุด เพราะรากของต้นไม้เหล่านี้อาจชอนไชจนทำให้บ้านแตกร้าว และกิ่งไม้ขนาดใหญ่อาจหล่นทับหลังคาเสียหายได้ หากไม่มีทางเลือกควรพิจารณาตัดทิ้ง หรือล้อมไปปลูกในบริเวณอื่นแทน


cr: scgbuildingmaterials.com

ช่องทางการติดต่อ
ก.การช่างทีม คู่คิดที่คอยให้คำปรึกษาในทุกคำถามเรื่องบ้าน
ก.การช่าง รับสร้าง ตกแต่ง ต่อเติม และจัดดูแลสวน เชียงใหม่
www.kor-karnchang.com
Phone: 0979692624 , 0955419777, 0954956444
Email: cs@kor-karnchang.com

วันอังคารที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

10 ลำดับขั้นตอนการก่อสร้างบ้าน

10 ลำดับขั้นตอนการก่อสร้างบ้าน

ลำดับขั้นตอนการก่อสร้างบ้านนั้นเกี่ยวข้องโดยตรงกับสัญญาว่าจ้าง เพราะมีลำดับงวดงานควบคู่กับการจ่ายเงิน ดังนั้น เจ้าของบ้านที่จ้างผู้รับเหมามาสร้างบ้านเองจึงควรทำความเข้าใจลำดับขั้นตอนการก่อสร้างบ้านเอาไว้ เพื่อเป็นการตรวจสอบการทำงานในเบื้องต้น และหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงเตรียมงบประมาณให้พร้อมในแต่ละงวดงาน 
 การปลูกบ้าน หรือสร้างบ้านใหม่ จะเริ่มสร้างจากล่างขึ้นบน กล่าวคือต้องเริ่มจากโครงสร้างเสาเข็ม ฐานราก จากนั้นจะเริ่มงานโครงสร้างจากชั้นหนึ่ง และชั้นสองตามลำดับ แล้วจึงติดตั้งหลังคา ก่อผนัง เตรียมงานระบบ จนเมื่องานโครงสร้างเรียบร้อยก็จะตกแต่งงานสถาปัตย์ เก็บรายละเอียดงาน ทำความสะอาดจนพร้อมส่งมอบบ้านให้แก่เจ้าของบ้าน ทั้งนี้ แต่ละขั้นตอนต้องวางแผนการดำเนินงานเป็นอย่างดี เพราะมีผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย และสำหรับตัวเจ้าของบ้านเองควรเข้าใจลำดับขั้นตอนเพื่อสามารถตรวจและควบคุมงานในเบื้องต้น รวมถึงจดบันทึกตำแหน่งหรือข้อมูลทั้งงานระบบท่อไฟฟ้า-ประปา ตำแหน่งระบบสุขาภิบาล เผื่อการบำรุงซ่อมแซมในอนาคต
ภาพ: การก่อสร้างบ้าน
10 ลำดับขั้นตอนการก่อสร้างบ้านที่เจ้าของบ้านทุกคนควรทราบ มีดังนี้

1. เตรียมพื้นที่
       เมื่อมีแบบก่อสร้างบ้าน และทำสัญญากับผู้รับเหมาเรียบร้อยแล้ว ทางผู้รับเหมาจะเริ่มเข้าหน้างานเตรียมพื้นที่ กำหนดจุดวางและขนย้ายเครื่องมืออุปกรณ์ อาจมีสถานที่พักสำหรับคนงาน (ในกรณีที่คนงานพักในพื้นที่) หากมีบ้านเดิมจะต้องรื้อถอนออกก่อน หรือหากเป็นที่ดินเปล่าจะมีการขอน้ำและไฟฟ้าชั่วคราวสำหรับใช้งาน

       สำหรับงานเตรียมพื้นที่ จะครอบคลุมอยู่หลายเรื่อง ตั้งแต่ระดับพื้นบ้านที่ต้องพิจารณา อาจต้องถมที่ดินเพื่อปรับระดับ ให้เหมาะสม ซึ่งโดยทั่วไปจะถมให้สูงกว่าระดับถนน 50-80 ซม. และควรสูงกว่าท่อระบายน้ำสาธารณะ ส่วนระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการถมดินอยู่ในช่วงหน้าแล้ง (ช่วงเดือนธันวาคม – พฤษภาคม) เพราะสามารถทำงานได้สะดวก ได้ดินที่แน่นและมีคุณภาพ เพราะหากถมในช่วงหน้าฝนอาจเกิดเหตุการณ์ดินไหลได้
 
ภาพ: การปรับระดับดินก่อนลงเสาเข็ม
2. งานวางผังอาคาร
       เมื่อเตรียมพื้นที่เรียบร้อย จะเริ่มวางผังแนวอาคารซึ่งเป็นการกำหนดตำแหน่งของเสาเข็มโดยอ้างอิงจากแบบ เพื่อให้ทุกฝ่ายทั้งเจ้าของบ้าน ผู้ออกแบบ วิศวกร บริษัทรับเหมาก่อสร้าง และบริษัทรับเหมางานเสาเข็มมีความเข้าใจที่ตรงกัน ในขั้นตอนนี้ อาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือปรับระยะต่างๆ ให้เหมาะสมได้เนื่องจากอาจพบอุปสรรคที่หน้างาน เช่น แนวต้นไม้ใหญ่ แนวเสาเข็มโครงสร้างอาคารเดิม หรือตำแหน่งอาคารข้างเคียงที่มีผลต่อพื้นที่ใช้สอยอาคาร เป็นต้น โดยผู้รับเหมาจะนำเสนอแนวทางแก้ไขให้ผู้ออกแบบเซ็นชื่อรับรอง เพื่อดำเนินการก่อสร้างต่อไป
ภาพ: ตรวจแบบก่อสร้างเพื่อเตรียมวางผังอาคาร (กำหนดจุดลงเสาเข็ม)
3. งานเสาเข็ม
       สำหรับงานเสาเข็มมักจะจ้างบริษัทรับเหมางานเสาเข็มโดยเฉพาะ ซึ่งทางผู้ออกแบบจะสำรวจหน้างานและกำหนดมาแล้วว่าบ้านแต่ละหลังเหมาะจะใช้เสาเข็มประเภทใด ไม่ว่าจะเป็นเสาเข็มตอกหรือเสาเข็มเจาะ (อ่านรายละเอียด Material Guide ทรุดไม่ทรุด จุดเริ่มต้นอยู่ที่เสาเข็ม
 
       การตรวจสอบคุณภาพเสาเข็มต้องทดสอบความแข็งแรง (Load Test) สามารถรับน้ำหนักได้ตามมาตรฐาน ไม่เยื้องศูนย์ แต่หากเกิดความผิดพลาดหรืออุปสรรคในการตอกหรือเจาะเสาเข็ม ผู้ออกแบบอาจต้องแก้ไขแบบเพื่อให้เสาเข็มและฐานรากดังกล่าวสามารถรับน้ำหนักได้ นอกจากนี้สำหรับการตัดหัวเสาเข็มเพื่อเตรียมหล่อฐานราก ผู้รับเหมางานเสาเข็ม และผู้รับเหมาหลักต้องยืนยันระดับฐานรากให้ตรงกันก่อนส่งต่องาน
ภาพ: การทำเสาเข็มเจาะ
4. งานฐานรากโครงสร้างชั้นล่าง
       เมื่อตัดหัวเสาเข็มแล้ว ผู้รับเหมาหลักจะเริ่มงานส่วนโครงสร้างฐานราก ซึ่งประกอบด้วยฐานรากและเสาตอม่อ จากนั้นจึงขึ้นโครงสร้างชั้น 1 ซึ่งประกอบด้วย คานคอดิน เสา คาน และพื้นชั้นล่าง โดยอาจอาจเลือกเป็นพื้นหล่อในที่ (พื้นห้องน้ำ) ร่วมกับพื้นคอนกรีตสำเร็จรูป
 
       หากโครงสร้างต่างๆ เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ควรมีขนาดและค่ากำลังอัด ตามที่วิศวกรได้คำนวณไว้ ซึ่งต้องใช้เวลาในการบ่มคอนกรีต และถอดแบบค้ำยัน ช่วงระยะเวลาหนึ่ง (ประมาณ 14-28 วัน ขึ้นอยู่กับลักษณะงานและประเภทปูน) เพื่อให้โครงสร้างมีความแข็งแรง พร้อมรับน้ำหนักโครงสร้างอื่นๆ ต่อไป แต่ในกรณีที่สร้างบ้านโครงสร้างเหล็ก ก็จะเริ่มนำชิ้นส่วนเหล็กในแต่ละส่วนมาเชื่อมกันทั้งในส่วน เสา คาน ตง เป็นต้น 
 
       ในระหว่างขั้นตอนนี้ จะมีการขุดดินเพื่อวางระบบสุขาภิบาล เช่น บ่อพัก  Manhole ระบบท่อน้ำทิ้ง ท่อประปา เป็นต้น ซึ่งเจ้าของบ้านควรถ่ายรูปและจดบันทึกตำแหน่งและระยะงานระบบเอาไว้เพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิงหากมีการซ่อมแซมในอนาคต
ภาพ: งานเตรียมเหล็กเสริมโครงสร้างคานและเสาชั้นล่าง
5. งานโครงสร้างชั้นสอง โครงหลังคา และโครงสร้างงานระบบสุขาภิบาล
       งานโครงสร้างชั้นสองก็ทำเช่นเดียวกับโครงสร้างชั้นล่าง ทั้งเสา คาน อเส (คานหลังคา) และอาจมีงานหล่อชิ้นส่วนตกแต่ง เช่น บัว กันสาด ขอบปูน ซึ่งโครงสร้างแต่ละส่วนจะต้องใช้ระยะเวลาบ่มคอนกรีตเช่นเดียวกับโครงสร้างชั้นล่าง นอกจากนี้จะเริ่มขึ้นโครงหลังคา ซึ่งมีหลายประเภท เช่น โครงหลังคาเหล็ก หรือโครงหลังคาสำเร็จรูป เป็นต้น
 
       ในส่วนของงานระบบประปาและสุขาภิบาลทั้งถังเก็บน้ำใต้ดิน ท่อน้ำทิ้ง และถังบำบัดจะถูกติดตั้งในช่วงนี้โดยสมบูรณ์เพื่อเตรียมการเดินท่อเข้าภายในบ้าน
ภาพ: ติดตั้งโครงหลังคาเหล็ก
6. งานมุงหลังคา และโครงสร้างบันได
       เมื่องานโครงสร้างหลักเสร็จเรียบร้อย จะเริ่มติดตั้งวัสดุมุงหลังคาเพื่อให้ภายในบ้านมีร่มเงาและลดอุปสรรคจากลมฟ้าอากาศในการทำงาน ในช่วงนี้จะเริ่มหล่อโครงสร้างบันไดคอนกรีตเสริมเหล็ก หรือติดตั้งบันไดเหล็กตามที่แบบระบุ  นอกจากนี้อาจเก็บงานโครงสร้างในส่วนอื่นๆ ให้พร้อมก่อนเริ่มงานก่อผนังและติดตั้งวัสดุปิดผิว
ภาพ: (บน) มุงหลังคากันแดดและฝน  (ล่าง) ติดตั้งบันไดโครงสร้างเหล็ก
7. งานก่อผนัง ติดตั้งวงกบไม้ประตู-หน้าต่าง และงานระบบไฟฟ้า-ประปา
       เมื่อมุงหลังคาเรียบร้อย จะเข้าสู่ขั้นตอนการก่อผนังและหล่อเสาเอ็น - คานเอ็น ในขั้นตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับบ้านแต่ละหลังว่าเลือกใช้ผนังบ้านแบบใด เช่น ผนังก่ออิฐ หรือผนังเบา ซึ่งในช่วงนี้จะเดินท่องานระบบต่างๆ ที่ฝังในผนังไปด้วย ทั้งระบบไฟฟ้าและประปา รวมถึงติดตั้งวงกบไม้ประตูหน้าต่างตามตำแหน่งที่ระบุตามแบบ
ภาพ: การก่อผนัง หล่อเสาเอ็น-คานเอ็น และฝังท่อไฟฟ้า-ประปาในผนัง
8. งานฉาบผนัง และงานติดตั้งฝ้าเพดาน
       
ในงานฉาบผนังก่ออิฐ จะต้องจับปุ่ม  จับเซี้ยม หรืออาจขึงลวดกรงไก่ เพื่อฉาบผนังให้เรียบสม่ำเสมอ ส่วนผนังเบาจะต้องฉาบเก็บรอยต่อระหว่างแผ่นผนังให้เรียบเนียน เตรียมพร้อมก่อนขั้นตอนการปิดผิว ในขั้นตอนนี้ต้องอาศัยความชำนาญของช่างเพื่องานที่ละเอียดเรียบร้อย ผนังต้องได้ดิ่ง-ฉากทุกพื้นที่

       สำหรับฝ้าเพดานจะมีการกำหนดระดับความสูงตามแบบทั้งภายในและภายนอกบ้าน โดยติดตั้งโครงฝ้าและปิดด้วยวัสดุฝ้าเพดาน เช่น แผ่นยิปซั่ม แผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์ เป็นต้น ในขั้นตอนนี้จะมีการติดตั้งระบบไฟฟ้า โคมไฟ และช่องเซอร์วิสไปพร้อมกัน
ภาพ: การฉาบผนัง และติดตั้งฝ้าเพดานทั้งภายนอกและภายใน
9. งานวัสดุตกแต่งพื้นผิว ติดตั้งอุปกรณ์ ติดตั้งประตู-หน้าต่าง และงาน Build-In
       เป็นขั้นตอนที่ต้องอาศัยความประณีตของช่างอย่างมาก เพราะทำให้บ้านเนี้ยบสวยงาม ซึ่งในขั้นตอนนี้จะประกอบไปด้วย

9.1 วัสดุตกแต่งผนังและพื้น
ขึ้นอยู่กับการออกแบบและความชอบของเจ้าของบ้าน โดยวัสดุพื้นผิวผนัง เช่น ทาสี ฉาบสกิมโค้ท ปูกระเบื้องเซรามิก ติดวอลล์เปเปอร์ ฯลฯ ส่วนวัสดุพื้น เช่น หินขัด กรวดล้าง/ทรายล้าง ปูกระเบื้องเซรามิก ไม้ปาร์เกต์ ไม้ลามิเนต เป็นต้น

9.2 ระบบแสงสว่างและติดตั้งดวงโคมการติดตั้งแสงสว่างและหลอดไฟจะเริ่มในช่วงนี้เพราะติดตั้งฝ้าเพดาน โคมไฟ และเดินงานระบบเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ช่างจะเดินสายไฟเชื่อมกับสวิตช์ไฟ ปลั๊ก และติดตั้งเครื่องปรับอากาศ

9.3 ติดตั้งบานประตู หน้าต่างไม้ ชุดประตู-หน้าต่างไวนิล/อะลูมิเนียม
ขั้นตอนนี้จะเป็นการติดตั้งบานประตู บานกระจก หน้าต่างเข้ากับวงกบไม้ที่ติดตั้งเอาไว้ก่อนหน้านี้ รวมถึงติดตั้งชุดประตู-หน้าต่างไวนิลหรืออะลูมิเนียมเข้ากับผนังที่เว้นช่องไว้ ซึ่งขอบผนังโดยรอบต้องเรียบสม่ำเสมอ ได้ระดับดิ่ง-ฉาก เพื่อให้ชุดประตู-หน้าต่างติดตั้งได้พอดี ลดความเสี่ยงการรั่วซึมในอนาคต

9.4 งาน Build-in  
ด้านงาน Build-in อาจมารวมอยู่ในช่วงนี้ได้ เช่น ตู้เสื้อผ้า ชั้นวางของ เคาน์เตอร์ครัว เป็นต้น

9.5 ติดตั้งวัสดุอุปกรณ์ สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ และอุปกรณ์เครื่องครัว
วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ เมื่อติดตั้งแล้วควรคลุมด้วยพลาสติกเพื่อป้องกันฝุ่นละออง รอยขีดข่วน และสีที่อาจกระกระเด็นเปรอะเปื้อนในช่วงการเก็บงาน

9.6 สวนและทางเดินรอบบ้านอาจเริ่มทำในช่วงนี้ หรืออาจทำในช่วงที่บ้านสร้างเสร็จแล้วก็ได้
ภาพ: การตกแต่งภายใน ติดตั้งวัสดุปูพื้น-ผนัง ประตูหน้าต่าง (บานเฟี้ยม) และงานBuild-in 
10. ทำความสะอาดและตรวจความเรียบร้อยในขั้นตอนการเก็บงาน 
       ช่างจะเก็บรายละเอียดต่างๆ เช่น งานทาสี ตรวจสอบงานระบบต่างๆ ซึ่งในช่วงนี้เจ้าของบ้านควรเข้ามาตรวจสอบด้วยตัวเอง ซึ่งถ้าเจอข้อผิดพลาด ควรแจ้งให้ช่างแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนจะส่งจะส่งมอบงาน จากนั้นจะเริ่มทำความสะอาด (โดยมากจะจ้างบริษัททำความสะอาดหลังงานก่อสร้างโดยตรง) แล้วเสร็จจนพร้อมส่งมอบงานให้เจ้าของบ้านขนย้ายเฟอร์นิเจอร์เข้าอยู่
ภาพ: บ้านที่อยู่ในช่วงการเก็บงาน 
       การเรียงลำดับขั้นตอนตามที่กล่าวมาอาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือซ้อนทับกันได้ในแต่ละงาน อาจมีเพิ่ม หรือแยกย่อยมากกว่า 10 ลำดับได้ขึ้นอยู่กับปลายปัจจัย เช่น วัสดุที่เข้าหน้างาน ความถนัดของช่าง/ผู้รับเหมา ปัจจัยสภาพคล่องทางการเงิน ปัญหาแรงงานช่าง และสภาพลมฟ้าอากาศที่ไม่อำนวย เป็นต้น 

Tip: เจ้าของบ้านควรตรวจสอบสัญญาการรับประกันผลงานของทั้งผู้รับเหมา และตัวผลิตภัณฑ์สินค้า รวมถึงการติดตั้งวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ตามที่ระบุในเอกสาร เพื่อรับรองคุณภาพการก่อสร้าง และตัวสินค้าให้ได้ตามมาตรฐาน
cr: scgbuildingmaterials.com
ช่องทางการติดต่อ
ก.การช่างทีม คู่คิดที่คอยให้คำปรึกษาในทุกคำถามเรื่องบ้าน
ก.การช่าง รับสร้าง ตกแต่ง ต่อเติม และจัดดูแลสวน เชียงใหม่
www.kor-karnchang.com
Phone: 0979692624 , 0955419777, 0954956444
Email: cs@kor-karnchang.com

วันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

7 อีเว้นท์เพื่อคนรักบ้าน รวมของดี ลดราคา เดือนพฤศจิกายน 2560

7 อีเว้นท์เพื่อคนรักบ้าน รวมของดี ลดราคา เดือนพฤศจิกายน 2560

ข่าวเกี่ยวกับบ้าน
          รวมอีเว้นท์น่าเดินสำหรับคนรักบ้าน ที่มีทั้งโปรโมชั่นสุดพิเศษของบ้าน คอนโด ทาวโฮม และทาวเฮ้าส์จากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ แถมยังมีสินค้าของใช้ภายในบ้าน และของตกแต่งบ้านลดราคาอีกเพียบ

          ใครที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยชั้นนำ และของใช้ ของตกแต่งบ้านชั้นเยี่ยมในราคาพิเศษ ต้องเตรียมเงินของคุณให้พร้อม เพราะวันนี้กระปุกดอทคอมได้รวบรวมงานอีเว้นท์เกี่ยวกับบ้านที่จะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้มาฝากกันแล้ว และขอเตือนไว้ก่อนเลยว่า มีงานให้ได้เสียทรัพย์กันทั้งเดือนแน่ ๆ อยากรู้ว่าที่ไหนมีของดี ของเด็ด ราคาถูก ตามไปเช็กลิสต์พร้อม ๆ กันเลยค่ะ

ข่าวเกี่ยวกับบ้าน
ภาพจาก thailandexhibition

1. Home Buyers' Focus

          งานแสดงที่อยู่อาศัยเฉพาะโซน ซึ่งรวบรวมทั้งบ้านเดี่ยว คอนโด ทาวน์โฮม ทาวเฮ้าส์ ในโซนยอดฮิตอย่าง พระราม 9 รัชดา ห้วยขวาง และลาดพร้าว แถมภายในงานยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกพร้อมรับของที่ระลึกกลับบ้านไปอีกเพียบ ระหว่างวันที่ 2-8 พฤศจิกายน 2560 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9

ข่าวเกี่ยวกับบ้าน
ภาพจาก thailandexhibition

2. House&Condo 2017

          งานที่รวบรวมโปรโมชั่นและข้อเสนอสุดพิเศษจากหลากหลายบริษัทอสังหาริมทรัพย์ มาให้สำหรับผู้ที่สนใจซื้อบ้านหรือคอนโดดี ๆ ทำเลทอง ที่มีเฉพาะในงานนี้เท่านั้น ตลอดทั้ง 7 วัน ระหว่างวันที่ 2-8 พฤศจิกายน 2560 ณ บริเวณ Homepro Walkway ชั้น 1 เมกาบางนา

ข่าวเกี่ยวกับบ้าน
ภาพจาก thailandexhibition

3. House&Condo Residence
          สำหรับผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ พร้อมร่วมกิจกรรมเกี่ยวกับบ้านอีกคับคั่ง ไม่ควรพลาดงาน House&Condo Residence ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-8 พฤศจิกายน 2560 ณ บริเวณลานโปรโมชั่น zone B ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว และระหว่างวันที่ 8-14 พฤศจิกายน 2560 ณ บริเวณลานโปรโมชั่น ชั้น 1 เซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต

ข่าวเกี่ยวกับบ้าน
ภาพจาก thailandexhibition

4. Home in Style 2017

          งานแสดงโครงการบ้านและคอนโดคุณภาพดี ทำเลเด่น มาให้เลือกซื้อและจับจอง จะซื้อเพื่ออยู่อาศัยหรือไว้ลงทุนก็ได้ พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษจากหลากหลายบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำมากมาย พบกันได้ใกล้บ้านตามวันที่ดังนี้

          - Home in Style 2017 @Paradise Park Ep.3 ระหว่างวันที่ 6-12 พฤศจิกายน 2560 ณ พาราไดซ์ พาร์ค

          - Home in Style 2017 @Bangkae Ep.4 ระหว่างวันที่ 23-29 พฤศจิกายน 2560 ณ ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ บางแค

          - Home in Style 2017 @Pinklao Ep.3 ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน-4 ธันวาคม 2560 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า

          - Home in Style 2017 @Mega Bangna Ep.4 ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน-6 ธันวาคม 2560 ณ เมกาบางนา

ข่าวเกี่ยวกับบ้าน

5. HOME & DESIGN

          สำหรับคนที่กำลังมองหาของใช้ในบ้าน ของตกแต่งบ้าน และของจัดสวนสวย ๆ น่ารัก ๆ ราคาถูก งานนี้มีให้เลือกซื้อครบ เรียกได้ว่าเอาใจคนรักบ้านโดยเฉพาะ เพราะนอกจากจะมีสินค้าให้เลือกซื้ออย่างจุใจแล้ว ยังได้พบกับข้อเสนอสุดพิเศษอีกมากมาย ซึ่งในเดือนนี้จะจัดขึ้น 2 ครั้งคือ

          - HOME & DESIGN @MEGA Bangna Ep.4 ระหว่างวันที่ 9-15 พฤศจิกายน 2560 ณ บริเวณ Homepro Walkway ชั้น 1 เมกาบางนา

          - HOME & DESIGN @MEGA Bangna ระหว่างวันที่ 16-22 พฤศจิกายน 2560 ณ บริเวณ Homepro Walkway ชั้น 1 เมกาบางนา

ข่าวเกี่ยวกับบ้าน
ภาพจาก thailandexhibition

6. Plastic ware Sale by OTTO

          ใครที่มองหาของใช้ในภายในบ้านราคาถูก หรือของขวัญวันปีใหม่คุณภาพเยี่ยม ขอแนะนำมหกรรมล้างสต๊อกสินค้าพลาสติกเกรด A จากแบรนด์ OTTO โดย บริษัท สยามชัยเจริญอุตสาหกรรม จำกัดเพราะงานนี้ลดราคากว่า 50% ระหว่างวันที่ 14 พฤศจิกายน-12 ธันวาคม 2560 ณ บริษัท สยามชัยเจริญอุตสาหกรรม จำกัด เขตจอมทอง

ข่าวเกี่ยวกับบ้าน
ภาพจาก impact

7. Homepro Expo


          อีกหนึ่งงานที่รวบรวมวัสดุและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านแบบครบวงจร จากผู้รู้จริงเรื่องบ้านอย่าง บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จํากัด (มหาชน) หรือโฮมโปร มาให้คนรักบ้านได้ช้อปกันเต็มที่ ระหว่างวันที่…

    - 17-19 พฤศจิกายน 2560 ณ Hall 5-8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี เวลา 10.00-22.00 น.

    - 20-23 พฤศจิกายน 2560 ณ Hall 5-8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี เวลา 11.00-22.00 น.

    - 24-26 พฤศจิกายน 2560 ณ Hall 5-8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี เวลา 10.00-24.00 น.

          งานดี ๆ มีตั้งแต่ต้นเดือนยันปลายเดือนขนาดนี้ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เป็นคนรักบ้านหรือคนที่สนใจจะหาซื้อบ้านและของตกแต่งบ้าน ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงเลยล่ะ และสามารถไปช้อปกันได้ตามวันและสถานที่เหล่านี้นะคะ 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก thailandexhibition และ impact

cr:kapook.com

ช่องทางการติดต่อ
ก.การช่างทีม คู่คิดที่คอยให้คำปรึกษาในทุกคำถามเรื่องบ้าน
ก.การช่าง รับสร้าง ตกแต่ง ต่อเติม และจัดดูแลสวน เชียงใหม่
www.kor-karnchang.com
Phone: 0979692624 , 0955419777, 0954956444
Email: cs@kor-karnchang.com