"การเลือกสีทาบ้าน"
การเลือกสีทาบ้าน
ควรเลือกให้เหมาะกับงานแต่ละประเภท
ถ้าเป็นงานปูนจะใช้สีนํ้าพลาสติก
หรือสี
อะครีลิก งานไม้จะใช้สีนํ้ามันหรือเป็นสีนํ้าอะครีลิก
หรือส่วนที่เป็นงานเหล็กจะใช้สีนํ้ามัน
เป็นต้น
ส่วนที่เป็นเหล็ก
จะมีปัญหาเรื่องการทาสีน้อยที่สุด
เพราะผิวเหล็กแกร่งไม่มีความชื้นก่อนทาทำความสะอาดให้หมดคราบไขมัน
คราบนํ้ามันก็ทาได้
ส่วนที่เป็นไม้
มีความชื้น
มีเชื้อราต้องมีสีทากันเชื้อรารองพื้น
แล้วจึงทาสีจริง
ส่วนที่เป็นผนังปูน
ต้องให้ผนังแห้งก่อนแล้วจึงค่อยทาสี
การที่ผนังไม่แห้งแล้วทาสีลงไปจะส่งผลให้สีบวม
หลุดร่อนง่ายก่อนเวลาอันควร
วันนี้ ก.การช่าง
มีเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเลือกสีที่นำมาใช้ทาบ้าน
รวมไปถึงข้อมูลประเภทสีทาบ้าน
ลักษณะการใช้งาน
และวิธีการเลือกสีทาบ้านให้ตรงใจเจ้าของบ้านมากที่สุดมาบอกกัน
มาเริ่มกันเลย
1.สีน้ำพลาสติก
หรืออะคริลิค
เป็นสีที่นิยมใช้มากที่สุด
เพราะสามารถใช้ทาได้ทั้งภายในและภายนอกบ้าน
โดยสีที่ใช้ทาภายนอกนั้นจะมีราคาแพงกว่าสีทาภายใน
เพราะเป็นสีที่มีอะคริลิคแบบ
100% และยังต้องผสมสารอื่นๆเข้าไปเพื่อช่วยป้องกันสภาพอากาศที่อยู่ภายนอก
เช่น
กันแดด
กันฝน
กันเชื้อรา
กันตะไคร่น้ำ
กันความเป็นกรด-ด่างต่าง
ซึ่งเราควรให้ความสำคัญกับการเลือกสีอะคริลิคสำหรับทาภายนอกมากที่สุด
เพราะถ้าเลือกไม่ได้เราอาจจะต้องทาสีบ้านใหม่บ่อยๆ
เพราะสีทีไม่มีคุณภาพจะหลุดลอกออกมาง่ายมาก
2.สีน้ำมัน
เป็นสีที่ใช้น้ำมันหรือทินเนอร์เป็นตัวทำละลาย
นิยมใช้กับงานทาไม้
ทาเหล็ก
แต่ก็สามารถเอามาทาพื้นปู
หรือคอนกรีตได้เหมือนกัน
ลักษณะเด่นของสีน้ำมันก็คือ
มันจะมีความเงางาม
ทำความสะอาดง่าย
แต่ข้อด้อยของมันก็คือมันมีราคาแพง
และแห้งช้า(ประมาณ
6 ชั่วโมง)
3.สีย้อมไม้
ใช้ทาเฟอร์นิเจอร์ไม้
ส่วนที่เป็นไม้ภายในบ้านให้เป็นสีตามต้องการ
4.สีเคลือบไม้
ใช้เคลือบไม้ให้เงาๆสวยๆ
เป็นการทาเพื่อโชว์ความสวยงามของลายไม้
เช่น
แลคเกอร์
เชลแล็ก
5.สีกันสนิม
ใช้ทาวัสดุเหล็กเพื่อกันสนิมขึ้น
มักใช้ทาก่อนที่จะลงสีน้ำมันทับลงไปอีกที
6.สีทารองพื้นปูน
ใช้ทาเพื่อรองพื้นวัสดุปูน
คอนกรีต
ทาก่อนที่จะทาสีจริงๆทับลงไป
เพื่อลดความเป็นกรดของพื้นปูนและคอนกรีต
ทำให้สีที่ลงจริงสามารถยึดเกาะกับวัสดุได้ดีขึ้น
ก่อนจะทำการซื้อควรตรวจสอบสีที่เลือกให้แน่ใจเสียก่อนที่จะซื้อ
เพราะมีหลายท่านที่รีบตัดสินใจซื้อแล้วสีที่ได้ไม่ใช่สีที่ตัวเองต้องการ
เพราะสีทาบ้านแต่ละยี่ห้อแต่ละแบรนด์ให้เฉดสีออกมาต่างกัน
ฉะนั้นคุณควรทดสอบสีให้แน่ใจก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ
โดยการลองซื้อสีนั้นมาแล้วเพ้นท์ลงบนแผ่นตัวอย่าง
แล้วนำไปติดไว้บนผนังตามส่วนต่าง
ๆ
ของบ้าน
หรือพื้นที่ที่คุณต้องการ
แล้วทิ้งเอาไว้อย่างน้อย
2 วันเพื่อสังเกตความเหมาะสมของสีตามการใช้งานจริง
และดูการเปลี่ยนแปลงของเนื้อสีด้วย
หากได้ตามที่คุณต้องการก็ไปซื้อเลยค่ะ
เปรียบเทียบสีทาบ้านกับของต่างๆภายในบ้าน
จะทำให้การตกแต่งบ้านของคุณดูลงตัวยิ่งขึ้น
โดยการนำสีทาบ้านที่เลือกมาเทียบกับจุด
ต่าง
ๆ
ในบ้านของคุณ
อาทิ
พื้นบ้าน
พื้นที่บริเวณข้างหน้าต่าง
หลังงานศิลปะ
และเทียบกับเฟอร์นิเจอร์ต่าง
ๆ
อย่างเช่น
ตู้โชว์
โซฟา
เตียงนอน
และควรนำไปเทียบตามช่วงเวลาต่าง
ๆ
ด้วยทั้งตอนเช้า
ตอนกลางวัน
ตอนเย็น
และช่วงค่ำด้วยก็ยิ่งดี
ควรทดสอบว่าเป็นสีปลอมหรือไม่
โดยการทาดูกับผนังปูนหรือไม้ทิ้งให้แห้ง
ถ้าเอานิ้วป้ายๆ
ดูแล้วมีฝุ่นชอล์คติดนิ้วมาด้วยแสดงว่าคุณภาพของสีไม่ดี
หรือเราจะเรียกว่าสีปลอมจากเนื้อสีโดยมีผู้นำเอาเนื้อสีปลอมไปบรรจุ
ในทระป๋องสีของยี่ห้อดังๆ
ไปจำหน่าย
เกรดของสีที่เราควรรู้
เกรดของสีก็มีความสำคัญที่ควรเอามาพิจารณาว่า
เราควรจะเลือกสีเกรดไหน
กับบ้านส่วนไหนของเราบ้าง
โดยเกรดสีนั้นจะแบ่งเป็น
เกรด
A
, B , C , D และ E โดยความแตกต่างของสีแต่ละเกรดมีดังนี้
• สีเกรด
A
เป็นสีที่มีส่วนผสมของอะคริลิค
100% เป็นสีที่มาจากทางฝั่งยุโรป
มีคุณภาพสูง
อายุการใช้งานยาวนาน
ตั้งแต่
5-10 ปี
• สีเกรด
B
เป็นสีที่มีส่วนผสมของอะคริลิค
100% เช่นกัน เป็นสีที่มาจากแถบเอเชีย
มีคุณภาพกลางๆ
อายุการใช้งานประมาณ
3-5 ปี
• สีเกรด
C
เป็นสีที่มีส่วนผสมของอะคริลิค
70% และจะผสมสารอื่นๆเข้าไปอีก
30% คุณภาพพอใช้ อายุการใช้งานประมาณ
1-3 ปี
• สีเกรด
D
เป็นสีเกรดต่ำสุด
จะมีสารอื่นๆผสมอยู่ในสีมากกว่า
30% ส่วนผสมของอะคริลิคก็จะน้อยลงตามลำดับ
การทาสี
ควรปฏิบ้ติตามคำแนะนำของสีแต่ละยี่ห้อ
โดยทั่วไป
จะทาสีรองพื้น
๑
เที่ยว
แล้วทาสีจริงอีก
๑
เที่ยว
สีบางยี่ห้อ
อาจทาสีจริงลงไปทันทีก็มีเพราะสีจริงมีสีรองพื้นปนอยู่ด้วย
ถ้าเป็นผนังเก่า ขอให้ขูดสีเก่าออกให้หมดก่อน
แล้วทาสีรองพื้นปูนเก่า
๑
เที่ยว
ทาสีจริง
๒
เที่ยว
ถ้าเป็นผนังปูนใหม่ๆ
ที่ยังไม่
เคยทาสีมาเลย
ให้ทาสีรองพื้นปูนใหม่
๑
เที่ยว
แล้วทาสีจริง
๒
เที่ยว
สีที่ใช้กับบ้าน หากใช้ยี่ห้อใด
ควรใช้ยี่ห้อนั้นๆ
ทั้งหลัง
เพื่อสะดวกในการดูแลบำรุงรักษาซ่อมแซมในอนาคต
ควรมีสมุดประว้ติ
ของบ้านว่าใช้สีอะไรสีเบอร์อะไรใช้ส่วนไหนของบ้านช่างที่มาซ่อม
จะได้มีข้อมูลในการซ่อมแซม
บำรุงรักษาได้ง่ายขึ้น
เคล็ดลับการทาสีบ้านให้ติดทนนาน
เริ่มจากการเลือกสีให้เหมาะสมกับการใช้งาน
คือหากเป็นสีที่เราต้องการใช้ทาภายนอก
เราก็ควรเลือกสีที่เป็นเกรด
A
หรือ
B
ไปเลย
แพงหน่อยแต่ใช้งานได้นานเป็น
10 ปี
แต่หากเป็นสีที่ใช้ทาภายในเราก็อาจดร็อปลงมาได้
เพราะสีภายในบ้านไม่ต้องต้องเผชิญกับสภาวะสิ่งแวดล้อมมากนัก
แต่ก็ควรเลือกสีที่สามารถเช็ดและทำความสะอาดได้ง่าย
ซึ่งเดี๋ยวนี้มีให้เลือกมากมายหลายยี่ห้อ
ส่วนการทาสีนั้นสิ่งสำคัญที่จะทำให้สีบ้านติดคงทนถาวรนั้น
ก็คือ
การเตรียมพื้นผิวบริเวณที่เราทาสีให้ดี
ให้เรียบ
ไม่มีฝุ่นละอองยึดเกาะ
ไม่มีไขมัน
ไม่มีความชื้น
หากมีรอยแตกก็ควรซ่อมแซมหาปูนมาปิดให้เรียบสนิท
เมื่อเก็บความเรียบร้อยของพื้นผิวได้แล้ว
จึงค่อยเอาสีที่เราต้องการทาทาลงไป
โดยการทาสีนั้นก็ควรมาประมาณ
2-3 ชั้นขึ้นไป เพื่อให้สีเนียนเรียบ
สวยงาม
แต่อย่าทาเกิน
5 ชั้น เพราะจะทำให้ชั้นสีหนาเกินไป
ซึ่งจะทำให้สีหลุดลอกได้ง่ายกว่าการทาเพียง
2-3 ชั้น นอกจากจะเปลืองสีมากกว่าแล้ว
ความทนทานของสีก็ยังน้อยกว่าด้วย
TIPS: วิธีการแก้ไขปัญหาสี
ที่หลุดร่อนมากๆ
สีหลุดร่อนเกิดจากการเสื่อมสภาพและความชื้น
หรือ
คุณภาพของสีไม่ดีตั้งแต่แรก
ให้ขูดสีเดิม
หรือลอกสีเดิมออกให้หมด
ปล่อยให้แห้งแล้วทาสีรองพื้นปูนเก่า
1 เที่ยว ตามด้วยสีจริง
2 เที่ยว
TIPS: ทาสีห้องไว้นานแต่กลิ่นยังไม่จางหาย
มีวิธีขจัดกลิ่น
สีที่ทาห้องง่ายๆ
คือ
ใช้ถ่านหุงข้าวที่ใช้กับเตา
แบบเก่ามาวางบนหนังสือพิมพ์
5 จุด ในห้อง
เพื่อให้ถ่านดูดกลิ่น
ก็จะแก้ปัญหาได้
Cr.
homeenrich.blogspot.com
britishpaints.net
thaihometown.com
ช่องทางการติดต่อ ก.การช่าง
ทีม คู่คิดที่คอยให้คำปรึกษาในทุกคำถามเรื่องบ้าน
ก.การช่าง
รับสร้าง
ตกแต่ง
ต่อเติม
และจัดดูแลสวน
เชียงใหม่
www.kor-karnchang.com
Phone: 0979692624 , 0955419777, 0954956444
Email: cs@kor-karnchang.com
FB: ก.การช่าง
IG: kor_karnchang
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น